นานาสาระเกี่ยวกับพุทธศาสนา
ความรู้พื้นฐานเกี่ยวเถรวาท
ทำไมเถรวาทยึดถือภาษาบาลีเป็นภาษาคัมภีร์
ภาษาบาลีซึ่งพุทธศาสนานิกายเถรวาท ใช้รองรับพุทธพจน์อยู่นั้น
มติของนักปราชญ์ทั้งตะวันตก ตะวันออก เห็นขัดแย้งกันไปหมดบ้างว่า
เป็นภาษาของชาวโกศลพูด เพราะพระผู้มีพระภาคเป็นชาวแคว้นโกศล
ในธรรมเจติยศุตร พระเจ้าปเสนทิกราบทูลพระศาสดาว่า
พระผู้มีพระภาคเป็นชาวโกศล แม้หม่อมฉันก็เป็นชาวโกศล
เพราะฉะนั้นพระองค์จะต้องใช้ภาษาชาติภูมิของพระองค์
ในการประกาศพระศาสนา 1 แต่บางท่านก็เห็นว่า
ภาษาบาลีเป็นภาษาอวันตีแต่โบราณ เพราะพระมหินทร์เป็นชาวเวทิสาคีรีในอวันตี
นำเอาภาษาบาลีไปลังกา 2. บางมติก็ว่า เป็นภาษาอินเดียภาคใต้
3. แต่มติส่วนใหญ่ยืนยันว่า เป็นภาษามคธโบราณที่เรียกว่า
“มคธี” จัดอยู่ในสกุลภาษาปรากฤต เมื่อสรุปมติต่างๆ
เหล่านี้ เราได้สาระที่น่าเชื่อถืออยู่ข้อหนึ่งคือ
ภาษาบาลีในพระไตรปิฎกนั้นเป็นภาษามคธอย่างแน่แท้
คำว่า “บาลี” นอกจากจะหมายถึงภาษาอันมีระเบียบแบบแผน
คำนี้ยังเลือนมาจากคำว่า “ปาฏลิ” ซึ่งหมายถึงเมืองปาฏลีบุตรนั่นเอง
เพราะฉะนั้นภาษาบาลีก็คือ ภาษาปาฏลีบุตร อันเป็นเมืองหลวงของแคว้นมคธต่อจากกรุงราชคฤห์
แต่เหตุไร ภาษาบาลีจึงสูญไปจากอินเดีย นั่นก็เพราะแคว้นมคธเสื่อมอำนาจลง
ภาษาอื่นได้ไหลเขามาแทนที่ ภาษาดั้งเดิมค่อยๆสลายตัวเอง
โดยราษฎรหันไปนิยมพูดภาษาผู้มาปกครอง ความจริงพระศาสดามิได้ผูกขาดภาษาใดภาษาหนึ่งในการแสดงธรรม
พระองค์ทรงตรัสภาษาท้องถิ่นต่างๆของอินเดียได้
ทรงแสดงธรรมด้วยหลายภาษาทรงอนุญาตให้เรียนพุทธพจน์ด้วยภาษาท้องถิ่นได้
ครั้งหนึ่งมีภิกษุพี่น้องสกุลพราหมณ์ ทูลขอพุทธานุญาต
ยกพุทธพจน์ขึ้นสู่ภาษาเดียวเช่นกับภาษาในพระเวท
ทรงติเตียน แต่เหตุไฉนปฐมสังคายนาจึงใช้แต่ภาษาบาลีภาษาเดียวขึ้นสู่สังคีติเล่า
เหตุผลมีดังนี้คือ
1. การประชุมสังคายนา ต้องการความสามัคคี ความเป้นระเบียบ
ถ้าปล่อยให้ผู้ประชุม ต่างรูปต่างใช้ภาษาท้องถิ่นของตนๆ
ที่ประชุมก็ไม่เป็นอันประชุม ไม่เป็นระเบียบ
2. ภาษาบาลีเป็นภาษาชาวมคธ การประชุมก็ทำกันในมคธ
ย่อมเป็นธรรมดาอยู่เองต้องเลือกภาษานี้
3. พระอรหันต์ผู้เข้าประชุม เข้าใจว่าส่วนใหญ่เป็นชาวมคธ
หรือชาวเมืองอื่นที่ขึ้นอยู่กับมคธ
4. มคธในครั้งนั้น เป็นมหาอำนาจชั้นหนึ่งในอินเดีย
มีเมืองขึ้นเช่น โกศล วัชชี กาสี จัมปา ภาษามคธจึงเป็นภาษาที่มีอิทธิพล
อย่างไรก็ตามคณะสงฆ์อื่นๆ ที่ใช้ภาษาท้องถิ่น
ไม่ใช้ภาษามคธรองรับพุทธพจน์มีมากกว่ามาก
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
http://kanchanapisek.or.th/kp6/BOOK16/chapter2/t16-2-m.htm
http://www.geocities.com/oraans/budhatwo.html
http://g6s16.debthai.net/home/includes/editor/assets/Pari.doc
http://ecurriculum.mv.ac.th/library2/religion/bhuddism/bchild10.html |
|