นานาสาระเกี่ยวกับพุทธศาสนา

ความรู้พื้นฐานเกี่ยวเถรวาท

วิธีศึกษาค้นคว้าพระไตรปิฎก

           เสฐียรพงษ์ วรรณปก เก็บเพชรจากคัมภีร์พระไตรปิฎก โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร 2542 หน้า 253 - 264

           บทความนี้ เสนอแนวคิดสำหรับการศึกษาและค้นคว้าพระไตรปิฎกเพียงสั้น ๆ พอปฏิบัติได้สำหรับชาวพุทธไทย มิได้ประสงค์ให้เป็นบทความทางวิชาการแต่อย่างใด จึงไม่จำเป็นต้องมีฟุตโน้ต เชิงอรรถ และหนังสืออ้างอิงใด ๆ จะพูดเป็นประเด็นตามลำดับดังนี้

           พระไตรปิฎกคืออะไร

           พระไตรปิฎกคือคัมภีร์บันทึกคำสอนของพระพุทธเจ้า (คำสอนของคนอื่นที่พระพุทธองค์ทรงรับรองก็นับรวมในที่นี้ด้วย) แบ่งเป็น ๓ ปิฎกคือ (๑) พระวินัยปิฎก (๒) พระสุตตันตปิฎก และ (๓) พระอภิธรรมปิฎก

           พระวินัยปิฎก ว่าด้วยสิกขาบทของพระภิกษุสงฆ์ และภิกษุณีสงฆ์ รวมถึงความเป็นมา ความเป็นอยู่ของสงฆ์ ระเบียบวิธีปฏิบัติอันเรียกว่าสังฆกรรม การก่อกำเนิดและวิวัฒนาการของภิกษุณีสงฆ์ นอกจากนี้ยังมีพุทธประวัติช่วงหลังตรัสรู้จนถึงการวางรากฐานพระพุทธศาสนา และประวัติสังคายนาครั้งที่ ๑ และที่ ๒ ด้วย แบ่งโดยย่อ ๆ เป็น ๓ หมวด คือ วิภังค์ ขันธกะ และปริวาร

           พระสุตตันตปิฎก ว่าด้วยเทศนาของพระพุทธเจ้าและพระสาวกสำคัญบางรูป ตลอดถึงภาษิตของเทวดาที่ทรงรับรองว่าเป็นสุภาษิต แบ่งเป็น ๕ นิกาย หรือหมวด คือ (๑) ทีฆนิกาย ว่าด้วยพระสูตรที่มีเนื้อหายาวมาก (๒) มัชฌิมนิกาย ว่าด้วยพระสูตรที่มีเนื้อหายาวปานกลาง (๓) สังยุตตนิกาย ว่าด้วยการประมวลพระสูตรที่มีเนื้อหาทำนองเดียวกันไว้ในหมวดเดียวกัน (๔) อังคุตตรนิกาย ว่าด้วยประมวลหมวดธรรมตามจำนวนหัวข้อธรรมจากน้อยไปหามาก และ (๕) ขุททกนิกาย ว่าด้วยหมวดเบ็ดเตล็ด ที่ตกหล่นจากการจัดหมวดข้างต้น

           เนื้อหาในพระสุตตันตปิฎกทั้ง ๕ นิกายนี้ นักปราชญ์ทั้งหลายถือว่า ๔ นิกายแรกนั้นเก่าแก่ โดยเฉพาะทีฆนิกายน่าจะเก่าแก่กว่าทุกนิกาย ส่วนขุททกนิกาย ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นนิกายปลีกย่อยหรือปกิณกะเพิ่มเติมมาภายหลัง เนื้อหาบางส่วนส่อเค้าว่าเพิ่มเติมมาในศรีลังกาเสียด้วยซ้ำ เช่น ขุททกปาฐะ จริยาปิฎก ยกเว้นสุตตนิบาต และธรรมบทที่ถือกันว่าเก่าแก่มาก

           พระอภิธรรมปิฎก ว่าด้วยการอธิบายธรรมในพระสูตรนั้นแลให้ละเอียดพิสดาร ในแง่วิชาการที่เป็นระบบ มี ๗ หมวดคือ (๑) ธรรมสังคณี ประมวลหัวข้อหมวดธรรมเข้าด้วยกัน (๒) วิภังค์ อธิบายหมวดธรรมในข้อ(๑) นั้นโดยพิสดาร (๓) ธาตุกถา อธิบายวิธีจัดข้อธรรมต่าง ๆ เข้าในขันธ์ ธาตุ อายตนะ (๔) ปุคคลบัญญัติ บัญญัติเรียกบุคคลต่าง ๆ ตามคุณธรรมที่มี (๕) กถาวัตถุ วินิจฉัยทัศนะของนิกายพุทธต่าง ๆ เน้นความถูกต้องของนิกายเถรวาท (๖) ยมก ยกข้อธรรมขึ้นถามตอบ โดยตั้งคำถามย้อนกันเป็นคู่ ๆ และ (๗) ปัฏฐาน อธิบายปัจจัยที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน ๒๔ แบบ

           พระอภิธรรมปิฎก เชื่อกันว่าวิวัฒนาการมาในยุคหลัง ภาษาที่ใช้ก็เป็นภาษาหนังสือ ที่เรียบเรียงเป็นขั้นเป็นตอน ในแง่ประวัติความเป็นมา ก็บ่งบอกว่าได้แตกแขนงออกจากธรรม-วินัย ซึ่งมีมาแต่ดั้งเดิม โดยเป็นแขนงหนึ่งของ "ธรรม" นั้นเอง จึงเชื่อว่ามีมาภายหลังแน่นอน เพราะกถาวัตถุ ซึ่งเป็นหนึ่งใน ๗ คัมภีร์ ก็มีหลักฐานว่าแต่งในสมัยสังคายนาครั้งที่ ๓ แม้ว่า พระอรรถกถาจารย์จะพยายามโยงพระอภิธรรมให้พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาหลังตรัสรู้ และให้พระพุทธองค์เสด็จขึ้นไปแสดงแก่อดีตพุทธมารดา ที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ก็ตาม


           อ่านเพิ่มเติม>> http://www.mcu.ac.th/mcutrai/menu2/Article/article_05.htm






back>>