ความสำคัญและการรักษาพระไตรปิฎก พระธรรมปิฎก
(ป. อ. ปยุตฺโต) เก็บเพชรจากคัมภีร์พระไตรปิฎก
โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร
2542 หน้า 17-44
ก่อนจะพูดถึงพระไตรปิฎก
ควรทำความเข้าใจกันก่อนว่า พระพุทธศาสนาคืออะไร
พระพุทธศาสนา
ก็คือคำสอนของพระพุทธเจ้า การที่เรานับถือพระพุทธศาสนา
ก็คือนับถือคำสอนของพระพุทธเจ้า
ขอให้นึกย้อนหลังไปถึงสมัยพุทธกาล เมื่อพระพุทธเจ้าออกประกาศพระศาสนา
ยังไม่มีพระพุทธศาสนา ท่านทั้งหลายที่มาเป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้า
ก็คือต้องการมาฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า เพราะเหตุที่ต้องการฟังคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ก็จึงเป็นผู้ฟังที่เราเรียกว่าเป็นสาวก คำว่าสาวกนั้น
ก็แปลว่าผู้ฟังนั่นเอง
เมื่อฟังคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่เรียกว่าพระพุทธศาสนาแล้ว
ก็ไปปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระองค์ การฟังคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้วปฏิบัติตามนั้น
ก็เป็นพระพุทธศาสนาอีก พระพุทธศาสนาจึงมีความหมายทั้งเป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
และการปฏิบัติตามคำสั่งสอนนั้น
ถึงความหมายขยายไกล
ก็จับหัวใจพระพุทธศาสนาไว้ให้ได้
ต่อมาก็มีการจัดตั้งเป็นชุมชน
เป็นสถาบัน เป็นองค์กร หมายความว่า คนมารวมกันเรียน
มาฟังคำสั่งสอน ขยายออกไป เรียกว่าเล่าเรียนคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
แล้วก็ปฏิบัติ ทำกันอย่างเป็นจริงเป็นจัง
เป็นจำนวนมาก ก็ต้องมีการจัดสรรดูแลต่างๆ
เพื่อให้คนทั้งหลายที่มาอยู่รวมกันเพื่อวัตถุประสงค์อย่างนี้
ได้เรียนได้ฟัง แล้วก็ได้ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างได้ผล
การจัดสรรดูแลให้มีการเล่าเรียน สดับฟัง และปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
ก็เรียกว่าเป็นพระพุทธศาสนาด้วย ความหมายของพระพุทธศาสนาก็เลยกว้างขวางออกไป
พอถึงขั้นจัดตั้ง การดูแลให้มีการเล่าเรียนและปฏิบัติ
ก็เลยรวมไปถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาเป็นชุมชน
เป็นองค์กร เป็นสถาบันหรืออะไรๆ ที่กว้างขวางออกไป
ความหมายของพระพุทธศาสนาก็ขยายออกไป เป็นอย่างที่เราเข้าใจในปัจจุบันนี้
จนกระทั่งไปๆ มาๆ ก็เลยลืมไปเลย ไม่รู้ว่าตัวพระพุทธศาสนาคืออะไร
อยู่ตรงไหน ถ้าไม่ทบทวนกันไว้ให้ดี ต่อไปก็จับไม่ถูก
ว่าที่แท้นั้นพระพุทธศาสนาก็อยู่ที่จุดเริ่ม
คือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้นเอง
เพราะฉะนั้น จะต้องจับตัวพระพุทธศาสนาไว้
ให้อยู่ที่คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าให้ได้
ไม่ว่าอะไรก็ตาม ถ้ามีการปฏิบัติ มีการเชื่อถือกันไปมากมายใหญ่โต
แต่เสร็จแล้วไม่ใช่คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ก็ไม่ใช่พระพุทธศาสนา
ที่ว่ามานี้เป็นเรื่องแรกที่ต้องทำความเข้าใจก่อน
เป็นอันว่า คนที่มาหาพระพุทธศาสนา ก็คือต้องการคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
เราไม่เอาอะไรอย่างอื่น เราไม่ได้ต้องการคำสั่งสอนของคนอื่น
เป็นต้น
เมื่อเราต้องการคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ถ้าเป็นสมัยพุทธกาล
จะทำอย่างไร เราก็ไปฟังพระพุทธเจ้า ถ้าอยู่ในวัดเดียวกับพระองค์
ก็ไปหาไปเฝ้าพระองค์ ไปที่ธรรมสภาที่พระพุทธเจ้าตรัสแสดงธรรม
ไปฟังพระองค์ หรือซักถามพระองค์ ทูลถามปัญหาต่าง
ๆ ให้พระองค์ตรัสตอบให้ ถ้าอยู่ไกลก็เดินทางมา
บางคนมาจากต่างประเทศ ขี่ม้า หรือว่านั่งเกวียน
เดินทางกันมาเป็นวัน เป็นเดือน ก็เพียงเพื่อมาฟังพระพุทธเจ้าสั่งสอน
อ่านเพิ่มเติมที่
http://www.mcu.ac.th/mcutrai/menu2/Article/article_20.htm
|