นานาสาระเกี่ยวกับพุทธศาสนา

ความรู้พื้นฐานเกี่ยวเถรวาท

ความเป็นมาโดยย่อของพระพุทธศาสนาเถรวาทเป็นอย่างไร

           เถรวาท [เถ-ระ-วาด] แปลว่า คำของพระเถระ เป็นชื่อนิกายสงฆ์ในพระพุทธศาสนา เรียกว่า นิกายเถรวาท, คู่กับ นิกายอาจริยวาท หรือ เรียกว่า มหายาน, เดิมทีพระสงฆ์ยังไม่มีนิกาย ครั้นพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้วประมาณ ๑๐๐ ปี พระสงฆ์เกิดมีความเห็นขัดแย้งกันในการปฏิบัติตามพระพุทธบัญญัติ และข้อปฏิบัติปลีกย่อย บรรดาพระเถระจึงประชุมกันวินิจฉัยแล้วพระสงฆ์บางพวกก็ปฏิบัติตาม ฝ่ายนี้เรียกว่า นิกายเถรวาท, ส่วนฝ่ายที่ยังทำตามอาจารย์ของตน เรียกว่า นิกายอาจริยวาท อาจาริวาท หลังจากนั้นมาก็แยกออกไปเป็นหลายนิกาย จนเกิดนิกายขึ้นมาใหม่และยังคงดำรงอยู่อย่างเหนียวแน่นคือ นิกายมหายาน พวกเถรวาทบางทีเรียก หีนยาน หรือ ทักษิณนิกาย ส่วนนิกายพวกอาจริยวาท บางทีเรียกว่า มหายาน หรือ อุตรนิกาย.

           สุชีพ ปุญญานุภาพ ปราชญ์พุทธศาสนาเถรวาท ได้แสดงความเป็นมาของเถรวาทไว้ดังนี้

           .......คำว่า เถรวาท แปลว่า วาทะของพระเถระ หมายความว่า พระอานนท์และพระเถระอื่นๆ ได้ประชุมกันรวบรวมพระพุทธพจน์ที่กระจัดกระจายอยู่ในที่นั้นๆ เอามาจัดเป็นหมวดหมู่แล้วก็ท่องจำสืบต่อกันมา ต่อมาได้มีนิกายย่อยๆ เกิดขึ้นมากหลาย ประมาณร้อยปีนั้น มีนิกายที่แตกแยกออกไปถึง ๘ นิกาย แต่ว่านิกายเหล่านั้นแตกแยกออกไปแล้ว ในที่สุดก็สลายตัวหมด คงเหลือแต่เถรวาท มาภายหลังเมื่อเกิดมหายาน ขึ้น มหายานก็เลยเรียกเถรวาท หรือพระพุทธศาสนาแบบดั้งเดิมนี้ว่าเป็นหินยาน แล้วก็เรียกตัวเองว่า มหายาน แปลว่า ยานใหญ่ ส่วนหินยาน แปลว่า ยานเลวหรือว่ายานเล็กๆ น้อยๆ คือสมัยที่เกิดการแก่งแย่งกันขึ้นเลยเรียกเถรวาทด้วยชื่อที่ไม่ดี

           แต่ว่าในครั้งหลังเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๓ เรามีการรวบรวมพุทธศาสนิกชนที่นับถือพระพุทธศาสนาทั่วโลกบรรดามีมาประชุมร่วมกัน ที่เรียกว่าพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก (The World Fellowship of Buddhist) ในครั้งแรกนั้น ก็ได้มีการเสนอญัตติขอให้เลิกเรียกคำว่าหินยานเพราะว่าเป็นการเรียกแบบดูหมิ่นกัน หรือว่าเป็นการแสดงความแข่งขันทะเลาะวิวาทกัน ให้คงเรียกเถรวาทตามเดิมคือวาทะของพระเถระที่ท่องจำพระพุทธวจนะสืบต่อกันมาโดยตรงจากพระพุทธเจ้า เราจะเห็นได้ว่า พระพุทธวจนะที่นำสืบต่อกันมาทางสายเถรวาทนี้ ได้พยายามรักษาของเก่าดั้งเดิมไว้ทุกอย่างไม่เปลี่ยนแปลงอะไร ประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาเถรวาทนี้ในปัจจุบันก็มีอยู่คือ ประเทศไทย ประเทศลังกา ประเทศพม่า ประเทศลาว ประเทศกัมพูชา รวม ๕ ประเทศด้วยกัน ส่วนประเทศที่นับถือศาสนาฝ่ายมหายานนั้นก็ได้แก่ธิเบต ญวน จีน ญี่ปุ่น เกาหลี จำนวนก็จะพอๆ กัน แต่ว่าวิธีการทางฝ่ายมหายานนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปมาก ได้มีการแต่งตำราขึ้นมาใหม่บ้าง ดัดแปลงของเก่าบ้าง และก็มีวิวัฒนาการไปไกลมาก ถึงขนาดญี่ปุ่นในปัจจุบันนี้ ภิกษุเกือบจะทุกนิกายก็มีครอบครัวได้ มีภรรยาได้ ก็คงจะมีอยู่บางนิกายเท่านั้นที่ไม่มีครอบครัว นี่ก็เป็นวิวัฒนาการของฝ่ายมหายาน แต่ในฝ่ายเถรวาทซึ่งท่านใช้ภาษาบาลีเป็นหลักนั้นยังพยายามรักษาแบบแผน จะเรียกว่าเป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยมหรือคอนเซอร์เวตีฟก็ได้

           ข้อมูลจาก “ความรู้เรื่องพระไตรปิฏก ความเป็นมาแห่งพระไตรปิฎกฝ่ายเถรวาท”

           ปาฐกถาโดย อาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพ


คัดมาจาก
           http://mahamakuta.inet.co.th/tipitaka/tipitaka4/tipi~241.htm





back>>