รายงานวิจัยเรื่อง “ปัญหาจริยธรรมและปัญหากฎหมาย : การรับตั้งครรภ์แทน”โดย นางสาวธัญรดี ไตรวัฒนวงษ์
การวิจัยในครั้งนี้ได้ผลการวิจัยสรุปดังนี้ ด้วยความสมบูรณ์แห่งชีวิตของครอบครัวนั้นต้องประกอบไปด้วยพ่อแม่ ลูก ทำให้คู่สมรสต้องการที่จะมีทายาทไว้สืบสกุล บางคู่ก็อาศัยเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการเจริญพันธุ์ แม้ว่าจะมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยการเจริญพันธุ์ให้คู่สมรสสามารถมีบุตรตามต้องการได้ แต่ก็มีคู่สมรสหลายคู่ที่ฝ่ายผู้หญิงไม่สามารถตั้งครรภ์ด้วยตนเองได้ จึงต้องอาศัยบุคคลที่สาม คือหญิงอื่นมารับการตั้งครรภ์แทน (อุ้มบุญ) สำหรับการรับตั้งครรภ์แทนในประเทศไทยนั้นยังไม่เป็นที่แพร่หลาย กรณีส่วนมากจะรับการตั้งครรภ์แทนในหมู่ญาติพี่น้องเท่านั้น จึงไม่ค่อยเป็นปัญหาในเชิงการค้า สักเท่าไร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้ว ถึงแม้การรับตั้งครรภ์แทนจะนำมาซึ่งส่วนเติมเต็มความสมบูรณ์ของครอบครัว ขณะเดียวกันการรับตั้งครรภ์แทนก็นำมาซึ่งปัญหาทางจริยธรรมและทางกฎหมาย รวมทั้งปัญหาอื่นๆที่เกิดขึ้นตามมา ศาสนาพุทธไม่ได้คัดค้านหรือเห็นว่าขัดต่อหลักคำสอนของการรับตั้งครรภ์แทน ทว่าการกระทำนั้นประกอบด้วยเจตนาบริสุทธิ์ทั้งฝ่ายที่ต้องการมีบุตรและผู้ที่ทำหน้าที่ตั้งครรภ์แทน เพราะถือว่าเป็นการช่วยเหลือผู้อื่นให้สมปรารถนา แสดงออกถึงความมีเมตตากรุณา ศาสนาคริสต์คัดค้านกับการรับตั้งครรภ์แทนทุกกรณี เพราะถือว่าเป็นการให้กำเนิดมนุษย์ที่ผิดธรรมชาติ อีกทั้งเป็นการลดศักดิ์ศรีคุณค่าของหญิงที่ตั้งครรภ์แทน หญิงที่ขอให้ตั้งครรภ์แทน รวมทั้งเด็กที่เกิดขึ้นมาด้วย ทางด้านศาสนาอิสลาม มีทั้งฝ่ายที่ไม่คัดค้านกับฝ่ายที่คัดค้านในการรับตั้งครรภ์แทน โดยฝ่ายที่ไม่คัดค้านต่างให้เหตุผลว่าเป็นการช่วยเพิ่มจำนวนประชากรและยังเป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันอีกด้วย ส่วนฝ่ายที่คัดค้านให้เหตุผลคล้ายกับศาสนาคริสต์ที่ว่าเป็นการเกิดที่ฝืนธรรมชาติ อีกทั้งยังส่งผลให้เกิดความสับสนขึ้นในวงศ์ตระกูลและลดค่าของความเป็นมนุษย์ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าปัญหาทางจริยธรรมนั้นแม้ว่าบางศาสนาจะไม่ได้คัดค้าน หากว่าช่วยผู้อื่นด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่อาจจะมีผู้ที่เห็นว่าการรับตั้งครรภ์แทนนั้นเป็นการกระทำที่ผิดหลักจริยธรรม เพราะอาจนำไปสู่การค้าเชิงพาณิชย์ (การขายเด็ก) หรือปัญหาเรื่องชาติกำเนิดและความรู้สึกของเด็กที่เกิดจากการตั้งครรภ์แทน ส่วนปัญหาทางกฎหมาย ในประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายข้อบัญญัติทางอาญาใดที่บังคับหรือลงโทษห้ามมิให้รับการตั้งครรภ์แทน แม้ว่าการระทำนั้นจะเป็นไปในเชิงการค้าก็ตาม มีเพียงการร่างพระราชบัญญัติการรับตั้งครรภ์แทน เพื่อคุ้มครองสิทธิของเด็กที่เกิดขึ้นมาเท่านั้น จึงนับได้ว่าเป็นช่องว่างที่สามารถฉวยโอกาสหาผลประโยชน์จากการรับตั้งครรภ์แทนได้โดยง่าย |