รายงานวิจัยเรื่อง “บทบาทของดนตรีที่มีต่อจิตบำบัดโดย นางสาวระพีพรรณ ขาวเรือง
ในทางการแพทย์สามารถที่จะนำดนตรีมาใช้ร่วมกับการบำบัดรักษาอาการป่วยทางกายและใจได้ ก็ด้วยเพราะดนตรีสามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อปรับเปลี่ยน พัฒนา และคงรักษาไว้ซึ่งสุขภาวะของร่างกาย จิตใจ อารมณ์ ให้เป็นปกติสุข เนื่องจากการฟังดนตรีมิใช่เพียงเพื่อความสุนทรีย์เท่านั้น แต่จะช่วยให้ให้เกิดการผ่อนคลายคล้อยตามเสียงดนตรีที่ไพเราะ ทำให้บุคคลที่ ได้ฟังลดความตึงเครียด มีจิตสงบและเกิดสมาธิมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยในเรื่องพัฒนาการทางสมองและการเรียนรู้ที่ดีขึ้นของคนไข้ อาการป่วยต่างๆก็จะทุเลาลงตามลำดับ แม้ว่าวิธีการรักษาอาจจะแตกต่างกันออกไป แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับคนไข้ออกมาในลักษณะเดียวกันต่างยืนยันถึงประสิทธิภาพของดนตรีที่พวกเขาได้รับ คือเมื่อเวลาที่พวกเขาได้ฟังดนตรี จะรู้สึกผ่อนคลาย หายจากความเครียด จิตใจสงบ มีสมาธิขึ้น นับได้ว่ากิจกรรมดนตรีบำบัดถือว่าเป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์อย่างหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในการดำรงชีวิตของคนไข้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้คนปกติทั่วไปก็สามารถที่จะฟังดนตรีเพื่อลดภาวะเครียดทางจิตใจได้เช่นเดียวกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณประโยชน์ต่างๆจะเกิดขึ้นได้ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยและองค์ประกอบต่างๆของดนตรีที่จะนำมาใช้บำบัด ซึ่งก็คือ จะต้องเลือกดนตรีให้เหมาะสมกับคนไข้ ทั้งทางด้านตัวบุคคล อารมณ์ รวมถึงสุขภาวะด้วย เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพ/ประสิทธิผลที่ดี และลักษณะของดนตรีก็ควรจะมีความอ่อนนุ่ม ไพเราะ ฟังสบาย ส่วนในขั้นตอนการรักษา ผู้รักษาจะต้องสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับคนไข้เพื่อให้คนไข้เกิดความพร้อม/เต็มใจที่จะรับการบำบัด โดยใช้ดนตรีช่วยเป็นสื่อในกิจกรรม ควรจะมีการบูรณาการดนตรีเข้ากับการบำบัดด้านอื่นๆด้วย พร้อมทั้งมีการประเมินผลของการบำบัดรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะได้ปรับแผนการบำบัดให้เกิดความเหมาะสมยิ่งขึ้น ในทางพระพุทธศาสนาเห็นด้วยว่าดนตรี สามารถประยุกต์ควบคู่ไปกับธรรมะได้เป็นอย่างดี เพราะทั้งสองอย่างนี้มีคุณลักษณะที่คล้ายคลึงกัน คือช่วยทำให้ผู้ฟังมีจิตใจที่ผ่อนคลายจากความทุกข์/ความเครียด และปล่อยวางจากสิ่งต่างๆ ซึ่งปัจจัยที่จะเกื้อหนุนก็ต้องเกิดจากตัวบุคคลด้วยว่า มีความพร้อมทางด้านจิตใจและมีศรัทธามากน้อยเพียงใด ถ้ามีดนตรีอย่างเดียวบางครั้งไม่สามารถช่วยให้คนดับทุกข์หรือแก้ปัญหาได้ เพราะการรักษาโรคทางใจจึงจำเป็นอย่างมากต้องอาศัยธรรมะมาเป็นเกราะป้องกันจิตใจไม่ให้เกิดทุกข์ ทางพระพุทธศาสนาถือว่าการสวดมนต์เปรียบเสมือนดนตรีบำบัดอย่างหนึ่ง เพราะการสวดมนต์ ขณะที่จิตเป็นสมาธิ มีการพิจารณาคำแปลไปตามบทสวดมนต์นั้นจะช่วยเยียวยารักษาจิตใจของผู้มีความทุกข์ให้มีจิตใจที่เกิดความสงบ เป็นสุข สามารถเข้าใจความจริงและแก้ปัญหาแก้ทุกข์เหล่านั้น หากบุคคลใดนำบทสวดมนต์มาสวดด้วยจิตใจที่มีความศรัทธาก็สามารถที่จะรักษาโรคภัยไข้เจ็บทางร่างกายได้เหมือนกัน |