โครงการถวายความรู้แด่พระสังฆาธิการภาค ๑๔
เรื่อง การบริหารจัดการเพื่อพัฒนาวัด

โครงการร่วมมือระหว่าง
คณะสงฆ์ภาค ๑๔ กับวิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล
วันที่ ๗ – ๘ มีนาคม ๒๕๕๑
------------

หลักการและเหตุผล
          การบริหารจัดการเป็นวิชาการสมัยใหม่ที่กำลังเป็นที่สนใจของผู้บริหารองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพราะการมีความรู้ในเรื่องนี้จะช่วยให้ผู้บริหารนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายได้ นอกจากนั้นยังทำให้การทำงานในองค์กรเป็นระบบ และมีประสิทธิภาพสูงสุด สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ในยุคสมัยปัจจุบันที่มีการแข่งขันสูง องค์กรที่จะอยู่ได้จะต้องมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และสามารถปรับตัวให้เหมาะกับสถานการณ์ต่างๆ ในยุคสมัยได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้ผู้บริหารองค์กรต่างๆ จึงจำเป็นต้องเรียนรู้วิธีบริหารจัดการสมัยใหม่ และนำมาประยุกต์ใช้ในการขับเคลื่อนองค์กรของตนไปข้างหน้าจนบรรลุเป้าหมาย
          วัดเป็นองค์กรสำคัญองค์กรหนึ่งที่อยู่คู่สังคมไทยมาเป็นระยะเวลานาน มีพระสังฆาธิการเช่น เจ้าอาวาสเป็นผู้บริหารดูแล ความเจริญก้าวหน้าต่างๆ ของวัดจึงขึ้นอยู่กับผู้บริหารเป็นหลัก หากวัดใดมีเจ้าอาวาสที่มีความรู้ความสามารถทางบริหารจัดการก็สามารถทำให้การดำเนินงานของวัดมีระบบ และประสิทธิภาพมีผลให้วัดเจริญรุ่งเรือง เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของผู้มาพบเห็น และสามารถทำประโยชน์ให้แก่พุทธศาสนาและสังคมไทยมากขึ้น ปัจจุบันพระสังฆาธิการที่สามารถบริหารวัดอย่างเป็นระบบ และมีประสิทธิภาพนั้นมีจำนวนน้อย สาเหตุหนึ่งมาจากการขาดความรู้เรื่องการบริหารจัดการสมัยใหม่ที่จะนำไปประยุกต์ใช้บริหารจัดการวัดของตนให้เป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพ เพราะโดยทั่วไปพระสังฆาธิการไม่มีโอกาสได้เรียนรู้วิธีดังกล่าวไม่ว่าจากการฝึกอบรมอย่างเป็นทางการหรือจากการศึกษาภาคสนาม เห็นจะเป็นด้วยเหตุนี้วัดหลายแห่งในปัจจุบันจึงไม่สามารถดึงคนรุ่นใหม่ให้มาวัด และพระสงฆ์ในวัดไม่สามารถใช้ศักยภาพของตนทำประโยชน์ให้แก่วัดและชุมชนได้เต็มที่ หากปล่อยให้วัดมีสภาพเช่นนี้ต่อไป บทบาทของวัดที่มีต่อชุมชนและสังคมไทยจะลดน้อยลงไปเรื่อยๆ และไม่สามารถช่วยเหลือพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อไปได้
          ด้วยเหตุนี้เอง วิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล จึงได้ร่วมมือกับคณะสงฆ์ภาค ๑๔ จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง การบริหารจัดการเพื่อพัฒนาวัดขึ้นมา เพื่อถวายความรู้ให้แก่พระสังฆาธิการในเรื่องวิธีบริหารจัดการวัดให้เป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพในด้านการเผยแพร่พระพุทธศาสนาและการช่วยเหลือชุมชน นอกจากนั้นยังมีวัตถุประสงค์ให้พระสังฆาธิการได้มีโอกาสมาพบปะและแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความคิดเห็นซึ่งกันและกัน พร้อมทั้งร่วมมือกันคิดหารูปแบบใหม่ของการบริหารจัดการที่เหมาะสมในการทำให้วัดเจริญก้าวหน้าและเหมาะสมกับสังคมยุคปัจจุบัน จะได้ทำประโยชน์ให้แก่พระพุทธศาสนาและสังคมได้กว้างขวางมากขึ้น

วัตถุประสงค์
          ๑. เพื่อให้พระสังฆาธิการได้มีโอกาสเรียนรู้วิชาการบริหารจัดการสมัยใหม่ ที่อาจนำมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการวัดให้เป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพ
          ๒. เพื่อให้พระสังฆาธิการได้มีโอกาสมาพบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความคิดเห็น ซึ่งกันและกัน
          ๓. เพื่อให้พระสังฆาธิการเรียนรู้วิธีการนำความรู้ในการบริหารจัดการมาใช้ในการพัฒนาวัดด้วยการเรียนรู้จากวัดกรณีศึกษา
          ๔. เพื่อให้พระสังฆาธิการได้ร่วมกันคิดหาวิธีการบริหารจัดการที่เหมาะสม สำหรับนำมาใช้ในการบริหารจัดการวัด ให้เป็นองค์กรที่สร้างความเจริญรุ่งเรืองแก่พุทธศาสนาและสังคมอย่างกว้างขวาง
เป้าหมาย
พระสังฆาธิการในภาค ๑๔ จำนวน ๑๐๐ รูป จากจังหวัดนครปฐม สุพรรณบุรี สมุทรสาคร และกาญจนบุรี

สถานที่
          วิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม

ผลที่คาดว่าจะได้รับ

          ๑. พระสังฆาธิการได้เรียนรู้วิธีการบริหารจัดการสมัยใหม่ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการวัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
          ๒. พระสังฆาธิการได้มาพบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน
          ๓. พระสังฆาธิการได้ร่วมกันคิดหาวิธีการบริหารจัดการที่เหมาะสม สำหรับนำมาใช้ในการพัฒนาวัด ให้เป็นองค์กรที่สร้างความเจริญรุ่งเรืองแก่พุทธศาสนาและสังคมได้มากขึ้น



          รายงานการประชุมเรื่อง "การบริหารจัดการเพื่อพัฒนาวัด" จากการประชุมเมื่อวันที่ 7-8 มีนาคม 2551 ที่วิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิด