รายงานวิจัยเรื่อง “พุทธรรมกับการเลือกคู่รักของวัยรุ่น”

โดย นายณัฐ  วิมลพีรพัฒนา

การวิจัยในครั้งนี้ได้ผลการวิจัยสรุปดังนี้

                                ส่วนใหญ่วัยรุ่นมองภาพรวมของความรักว่าคือความผูกพัน ความเอาใจใส่ ความเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน การช่วยเหลือพึ่งพาอาศัยกัน นับว่าวัยรุ่นยังคงมีมุมมองต่อความรักในทางที่ดี และจะเลือกคู่รักโดยดูจากลักษณะนิสัยใจคอและความเข้ากันได้ โดยให้เหตุผลว่าการที่คนเราจะคบกันได้นั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะมีความเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน ถ้าคนสองคนคบกัน  โดยไม่มีความเข้าใจจะส่งผลให้เกิดความผิดใจกันซึ่งเป็นบ่อเกิดของการทะเลาะเบาะแว้งกัน การหึงหวง นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความเสียสละ กล่าวคือเมื่อคนเราจะคบกันได้นั้นจะต้องมีคนหนึ่งที่รู้จักให้หรือไม่ทั้งสองฝ่ายก็ต้องเป็นฝ่ายให้ทั้งคู่ เพราะถ้าไม่มีคนให้เลยเท่ากับว่ามีแต่คนเห็นแก่ตัวแล้วก็จะทำให้เกิดปัญหาต่างๆตามมามากมาย แม้ว่าความรักจะเป็นสิ่งที่สวยงาม แต่ก็มีความเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน เพราะเมื่อมีความรักแล้ว ต่างฝ่ายต่างก็อยากที่จะครอบครองคนรักของตัวเองหรือให้คนรักเป็นไปในแบบอย่างที่ตนเองปรารถนามากกว่าที่จะยอมรับในตัวตนของ        อีกฝ่ายได้ เมื่อความรักไม่สมหวังก็มักหาทางออกด้วยการฆ่าตัวตาย/ทำลายชีวิตผู้อื่น เป็นต้น รวมถึงยากที่จะกลับมาเป็นเพื่อนกัน ส่วนใหญ่มักจะขาดการติดต่อหรือกลายเป็นคนไม่รู้จักกัน   นับได้ว่าความรักของวัยรุ่นส่วนใหญ่จะเกิดในช่วงเวลาระยะสั้นๆ ดังที่กล่าวว่า รักง่ายหน่ายเร็ว เมื่อไม่พอใจ/หมดความรักให้แก่กันก็เปลี่ยนไปทำความรู้จักกับคนใหม่ ทำให้วัยรุ่นมีความคิดที่ว่า เมื่อยังไม่พบรักแท้ ก็ต้องตามหากันต่อไป หรือวลียอดฮิต “อกหัก ดีกว่ารักไม่เป็น” วัยรุ่นบางคนถึงกลับอยู่ไม่ได้หากไม่มีคนรัก รู้สึกว่าตัวเองหมดคุณค่า

              พระพุทธศาสนาไม่ได้ปฏิเสธในเรื่องความรัก เพราะการมีคนรักย่อมดีกว่าการมีคนเกลียดชัง ส่วนการเลือกคู่ของวัยรุ่นในปัจจุบันยังขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการเลือกคู่รัก จึงตัดสินใจหรือการกระทำสิ่งใดที่เป็นเหตุอันนำมาซึ่งความเดือดร้อนทั้งต่อตัวเองและคนรอบข้าง เช่น การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันสมควร ตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ การทำแท้ง เป็นต้น พระพุทธศาสนาได้ให้หลักพุทธรรมเพื่อเป็นแนวทางคำสอนให้แก่วัยรุ่นเกี่ยวกับความรักว่าควรที่จะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานความพอดี เหมาะสมถูกต้อง และยึดหลักสมชีวิธรรม 4 ประการ คือ          มีศรัทธาเสมอกัน ศีลเสมอกัน จาคะเสมอกัน และปัญญาเสมอกัน ไม่ใช้เพียงความรู้สึกส่วนตัว/อารมณ์ตัดสินใจเท่านั้น ประการสำคัญด้วยวัยรุ่นเป็นช่วงวัยแห่งการศึกษาเล่าเรียน หน้าที่หลักคือการศึกษาเล่าเรียนให้สำเร็จ แต่ทว่าความรักเป็นเรื่องที่ไม่อาจห้ามกันได้ ดังนั้นหากจะมีความรักในช่วงวัยรุ่นน่าจะเป็นความรักแบบเพื่อนที่คอยให้ความช่วยเกลื้อกูลกัน นั่นจะเป็นความรักที่เหมาะสมมากที่สุด แปรเปลี่ยนความรักแบบเสน่หามาเป็นความรักแบบเมตตา คือ ปรารถนาให้คนรักมีความสุข มีจิตใจบริสุทธิ์ให้แก่กัน ย่อมเกิดความสุขมากกว่าทุกข์ รวมทั้งเมื่อถึงวัยแห่งการครองคู่ที่เหมาะสมแล้วค่อยพิจารณาตัดสินใจอีกครั้ง

 

ดาวน์โหลดเอกสาร
ค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมที่ :
    http://www.li.mahidol.ac.th/  หรือ

                                           ห้องสมุดแพทย์หญิงคุณอรวรรณ คุณวิศาล วิทยาลัยศาสนศึกษา  มหาวิทยาลัยมหิดล

 


back>>