พิธีกรรมของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีน ในประเทศไทยชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยนิยมกระทำพิธีกรรมต่างๆ ตามความเชื่อในศาสนาขงจื้อกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งพิธีกรรมที่นิยมกระทำกันในแต่ละปีมีดังนี้
๑.) ตรุษจีน วันตรุษจีนถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ตามประเพณีของชาวจีนในจีนแผ่นดินใหญ่และชาวจีนทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย ซึ่งวันตรุษจีนนี้นับเป็นวันพิเศษและมีความสำคัญยิ่งสำหรับคนจีน จะมีการเฉลิมฉลองกันไปทั่วโลก โดยเฉพาะชุมชนขนาดใหญ่ของคนจีนในประเทศต่างๆ ในวันตรุษจีนนี้ชาวจีนหรือชาวไทยเชื้อสายจีนถือว่าเป็นวันที่สมาชิกในครอบครัว ไม่ว่าจะไปประกอบธุรกิจการงานที่ไหน หากอยู่ในจังหวัดหรือในประเทศเดียวกัน บรรดาสมาชิกในครอบครัวชาวจีนเหล่านั้น จะกลับบ้านมาพบปะกันอย่างพร้อมเพรียงกัน คล้ายกับวันสงกรานต์ที่ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของชาวไทย ตรุษจีนในประเทศไทย ในวันตรุษจีนนี้ ชาวไทยเชื้อสายจีนจะถือประเพณีปฏิบัติอยู่ ๓ วัน ดังนี้ ๑.) วันจ่าย คือ วันก่อนวันสิ้นปี ซึ่งเป็นวันที่ชาวไทยเชื้อสายจีนจะต้องไปซื้ออาหาร ผลไม้ และเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ ในตอนค่ำจะมีการจุดธูปอัญเชิญเจ้าที่ (ตี่จู๋เอี๊ย) ให้ลงมาจากสวรรค์เพื่อรับการสักการะบูชาของเจ้าบ้าน ๒.) วันไหว้ คือ วันสิ้นปี จะมีการไหว้ในวันนี้ ๓ ช่วงเวลา ได้แก่ ๒.๑ ตอนเช้ามืด คือ การไหว้เทพเจ้าต่างๆ ด้วยเครื่องไหว้ ได้แก่ เนื้อสัตว์ ๓ ชนิด (ซาแซ คือ หมูสามชั้นต้ม ไก่ต้ม และเป็ดต้ม) หรือปรับเปลี่ยนเป็นเนื้อสัตว์ชนิดอื่นก็ได้ หรือมากกว่านี้ เป็นเนื้อสัตว์ ๕ ชนิดก็ได้ เหล้า น้ำชา และกระดาษเงินกระดาษทอง ๒.๒ ตอนสาย คือ การไหว้บรรพบุรุษที่ถึงแก่กรรมไปแล้ว ซึ่งถือเป็นการแสดงความกตัญญูตามคติจีน การไหว้บรรพบุรุษนี้จะไหว้กันไม่เกินเที่ยงวัน เครื่องเซ่นไหว้ประกอบด้วยซาแซ อาหารคาวหวาน รวมทั้งการเผากระดาษเงินกระดาษทองและเสื้อผ้ากระดาษเพื่ออุทิศแก่ผู้ล่วงลับ หลังจากนั้น ญาติพี่น้องจะมาร่วมรับประทานอาหารที่เซ่นไหว้บรรพบุรุษเสร็จเรียบร้อยแล้ว และช่วงเวลานี้ถือเป็นเวลาที่ครอบครัวหรือวงศ์ตระกูลจะรวมตัวกันได้มากที่สุด และเมื่อร่วมรับประทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้วจะมีการแลกเปลี่ยนอั่งเปากัน ๒.๓ ตอนบ่าย คือ การไหว้ผีไม่มีญาติ เครื่องเซ่นไหว้จะประกอบด้วยข้าว กับข้าวต่างๆ ขนมเข่ง ขนมเทียน เผือกเชื่อมน้ำตาล กระดาษเงินกระดาษทอง พร้อมทั้งมีการจุดประทัดเพื่อไล่สิ่งชั่วร้ายและเป็นสิริมงคล ๓.) วันขึ้นปีใหม่ คือ วันที่หนึ่งของเดือนที่หนึ่งของปี วันนี้ชาวจีนจะถือธรรมเนียมโบราณที่ยังปฏิบัติสืบต่อกันมาถึงปัจจุบัน กล่าวคือ การไปไหว้ขอพรจากญาติผู้ใหญ่และผู้ที่เคารพรัก โดยจะนำส้มสีทองจำนวน ๔ ผล ห่อด้วยผ้าเช็ดหน้าของผู้ชายไปมอบให้ สาเหตุที่มอบส้มให้กัน เนื่องจากคำว่า “ส้ม” ในภาษาแต้จิ๋วเรียกว่า “กา” ซึ่งไปพ้องกับคำว่าทอง เพราะฉะนั้นกาให้ส้มจึงเปรียบเสมือนเป็นการนำโชคไปให้ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ในวันนี้ยังถือคติหลายๆ อย่าง เช่น ไม่พูดจาไม่ดีต่อกัน ไม่ทวงหนี้กัน และไม่กวาดบ้าน เป็นต้น แหล่งข้อมูล : ——————. ประเพณีธรรมเนียมจีนในเมืองไทย. กรุงเทพมหานคร: เลี่ยงเซียงจงเจริญ. http://th.wikipedia.org/
๒.) เช็งเม้ง วันเช็งเม้งเป็นวันที่ลูกหลานชาวจีนหรือชาวไทยเชื้อสายจีนพากันไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่สุสานฝังศพ (ฮวงจุ้ย) สำหรับในประเทศไทยวันเช็งเม้งถือวันที่ ๕ เมษายนของทุกปีเป็นหลัก ประเพณีปฏิบัติในวัน เช็งเม้ง ๑.) การทำความสะอาดสุสาน เช่น การลงสีที่ป้ายชื่อให้ดูใหม่ และการตกแต่งสุสานด้วยกระดาษม้วนสายรุ้ง เป็นต้น ๒.) การเซ่นไหว้เจ้าที่ ด้วยของไหว้ ซึ่งประกอบด้วย เทียน ธูป ชา เหล้า และของไหว้ต่างๆ เช่น ผลไว้ ฯลฯ และกระดาษเงินกระดาษทอง การเซ่นไหว้เจ้าที่นี้ควรงดไหว้เนื้อหมู เนื่องจากเชื่อกันว่าเราไม่สามารถรู้ได้ว่าเจ้าที่แต่ละแห่งนั้นเป็นชนชาติใด ดังนั้น จึงควรไหว้อาหารที่เป็นกลาง ที่ทุกชนชาติสามารถรับประทานได้ การไหว้เจ้าที่นี้ ถือเป็นการให้เกียรติ และขอบคุณเจ้าที่ที่ช่วยคุ้มครองดูแล ๓.) การเซ่นไหว้บรรพบุรุษ ด้วยของไหว้ต่างๆ ประกอบด้วย ชา เหล้า ของไหว้ต่างๆ (ส่วนใหญ่เป็นขนมถ้วยฟู) กระดาษเงินกระดาษทอง เทียน และธูป เพื่อระลึกถึงพระคุณของบรรพบุรษที่ล่วงลับไปแล้ว การจัดเรียงอาหารและของเซ่นไหว้ต่างๆ คลิกอ่านได้ที่นี่ http://www.fengshuitown.com/fengshui/fengshui-tip-pray-ancestor.htm พิธีการไหว้เช็งเม้ง เมื่อจัดอาหารและของเซ่นไหว้ทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้นำครอบครัวก็จะจุดธูปเทียนบอกกล่าวแก่เจ้าที่ เพื่ออัญเชิญให้มารับเอาเครื่องเซ่นไหว้ หลังจากนั้น จึงจะจุดธูปเทียนเพื่อไหว้ดวงวิญญาณบรรพบุรุษ และอธิฐานขอพรจากบรรพบุรุษ เพราะเชื่อกันว่าดวงวิญญาณของบรรพบุรุษยังคงวนเวียนอยู่ในโลกนี้ และเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ดังนั้น เมื่อเราเซ่นไหว้จะส่งผลให้มีความเจริญก้าวหน้าในชีวิต แหล่งข้อมูล : http://th.wikipedia.org/ http://www.fengshuitown.com/fengshui/fengshui-tip-pray-ancestor.htm http://nawakung.tripod.com/t2/t2_1.htm
๓.) พิธีไหว้บ๊ะจ่าง เทศกาลวันไหว้บ๊ะจ่าง (ขนมจ้าง) หรือเทศกาลตวนอู่ หรือเทศกาลตวงโหงว เป็นเทศกาลที่สืบทอดกันมาแต่โบราณของชาวจีนทั้งในประเทศจีนและประเทศต่างๆ ตรงกับวันที่ ๕ เดือน ๕ ตามปฏิทินทางจันทรคติ ซึ่งตามทัศนะคติของชาวจีนเชื่อว่า เป็นเทศกาลที่แสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ ในการไหว้บ๊ะจ่างนี้ คนจีนจะไหว้ในตอนเช้า โดยไหว้ด้วยธูป ๓ ดอก หรือ ๕ ดอก (การไหว้ด้วยธูป ๕ ดอก เพื่อระลึกถึงครูอาจารย์ พ่อแม่ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์) ส่วนชาวจีนในประเทศไทยหรือชาวไทยเชื้อสายจีนจะไหว้เจ้าและบรรพบุรุษในช่วงเช้า แต่จะพิเศษตรงนำขนมบ๊ะจ่างมาเป็นของไหว้เพิ่มเข้าไปด้วย ซึ่งขนมบ๊ะจ่างนี้จะซื้อหรือจะทำเองก็ย่อมได้ แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละบ้านนั่นเอง แหล่งข้อมูล : ——————. ประเพณีธรรมเนียมจีนในเมืองไทย. กรุงเทพมหานคร: เลี่ยงเซียงจงเจริญ. http://www.jiewfudao.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538846654&Ntype=3
๔.) สารทจีน วันสารทจีน ถือเป็นวันสำคัญที่ลูกหลานชาวจีนจะแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว และยังถือเป็นเดือนที่ประตูนรกเปิดให้วิญญาณทั้งหลายมารับกุศลผลบุญได้ ซึ่งตามปฏิทินจีนตรงกับวันที่ ๑๕ เดือน ๗ การไหว้ การไหว้ในวันสารทจีนนี้ จะแบ่งของไหว้ออกเป็น ๓ ชุด ดังนี้ ๑.) ชุดสำหรับไหว้เจ้าที่ จะประกอบด้วยอาหารคาวหวาน ขนมที่ใช้ไหว้ก็ขนมถ้วยฟู กุยช่าย ส่วนขนมพิเศษที่จะต้องมีในวันสารทจีนเลย ก็คือ ขนมเทียน และขนมเข่ง นอกจากนั้น ก็มีผลไม้ต่างๆ น้ำชาหรือเหล้าจีน และกระดาษเงินกระดาษทอง ๒.) ชุดสำหรับไหว้บรรพบุรุษ อาหารคาวหวานและของไหว้ต่างๆ สำหรับไหว้บรรพบุรุษก็จะคล้ายกับชุดสำหรับไหว้เจ้าที่เลย แต่จะเพิ่มอาหารที่บรรพบุรุษเคยชอบในสมัยยังมีชีวิตอยู่เข้าไปและน้ำชาจัดชุดตามจำนวนของบรรพบุรุษ ๓.) ชุดสำหรับไหว้วิญญาณเร่ร่อนหรือวิญญาณไม่มีญาติ การไหว้วิญญาณเหล่านี้จะไหว้นอกบ้าน ของไหว้ประกอบด้วย อาหารคาวหวานและผลไม้ตามต้องการ แต่ที่พิเศษคือ ข้าวหอมแบบจีนโบราณ กับข้าวต่างๆ เผือกนึ่งผ่าซีกเป็นเสี้ยวใส่ถาด เส้นหมี่ห่อใหญ่ เหล้า น้ำชา และกระดาษเงินกระดาษทอง โดยจัดทุกอย่างวางรวมกันสำหรับเซ่นไหว้ แหล่งข้อมูล : http://th.wikipedia.org/
๕.) เทศกาลไหว้พระจันทร์ ชาวจีนถือว่า วันไหว้พระจันทร์เป็นวันสารทวันหนึ่ง ซึ่งตามจันทรคติแบบจีนตรงกับวันที่ ๑๕ เดือน ๘ ส่วนตามจันทรคติแบบไทยจะประมาณเดือนกันยายนของทุกปี ซึ่งพอถึงเทศกาลนี้ ชาวไทยเชื้อสายจีนจะทำพิธีเซ่นไหว้พระจันทร์และเจ้าแม่กวนอิมพร้อมกันในวันนี้ การจัดเตรียมของไหว้ สิ่งของที่จัดเตรียมเพื่อเซ่นไหว้ ได้แก่ ขนมเปี๊ยะ ขนมโก๋ อาหารเจชนิดแห้ง และผลไม้ที่มีชื่อเป็นสิริมงคล ๕ อย่าง หากจัดพิธีไหว้เจ้าแม่กวนอิมด้วย ก็จะจัดให้มีสิ่งของสำหรับไหว้สตรีไว้ด้วย คือ ต้นอ้อยโคมไฟ แป้งหอม สบู่ แชมพู่ น้ำอบ น้ำหอม โคมไฟ กระจกส่องหน้าพร้อมหวี ผ้าเช็ดหน้า และชุดเครื่องทรงสำหรับเจ้าแม่กวนอิม (ไหว้เสร็จแล้ว จะเผาส่งไปให้เจ้าแม่กวนอิม) เวลาในการไหว้ ในวันทำพิธีเซ่นไหว้จะเริ่มจัดโต๊ะในบริเวณที่สามารถมองเห็นดวงจันทร์ได้เต็มดวง และเมื่อพระจันทร์เต็มดวงโผล่ขึ้นมาให้เห็น ก็จะเริ่มทำการเซ่นไหว้ แหล่งข้อมูล : ——————. ประเพณีธรรมเนียมจีนในเมืองไทย. กรุงเทพมหานคร: เลี่ยงเซียงจงเจริญ.
๖.) เทศกาลกินเจ เทศกาลกินเจ เริ่มต้นตั้งแต่วันขึ้น ๑ ค่ำถึงขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๙ ตามปฏิทินจีนทุกๆ ปี (รวมเป็นเวลา ๙ วัน ๙ คืน) ซึ่งจะตรงกับวันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ของไทย ดังนั้น เทศกาลกินเจจึงอยู่ระหว่างเดือนกันยายน-ตุลาคมของทุกๆ ปี หลักธรรมในการกินเจ การกินเจตั้งมั่นอยู่บนหลักธรรมสำคัญ ๒ ประการ คือ ๑.) ดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารที่ไม่เบียดเบียนตนเอง ๒.) ดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารที่ไม่เบียดเบียนผู้อื่น กล่าวคือ ๑.) ไม่เอาชีวิตของสัตว์ทั้งหลายมาต่อเติมบำรุงเลี้ยงชีวิตของตน ๒.) ไม่เอาเลือดของสัตว์ทั้งหลายมาเป็นเลือดของตน ๓.) ไม่เอาเลือดของสัตว์ทั้งหลายมาเป็นเนื้อของตน การปฏิบัติตนในช่วงกินเจ ในช่วงเวลาแห่งการกินเจ ๙ วัน ๙ คืน ผู้ที่ต้องการกินเจอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ตามประเพณีการกินเจ จะต้องปฏิบัติดังนี้ ๑.) งดเว้นการรับประทานเนื้อสัตว์หรือทำอันตรายต่อสัตว์ ๒.) งดรับประทานนม เนย และน้ำมันที่มาจากเนื้อสัตว์ ๓.) งดรับประทานอาหารรสจัด (อาหารรสเผ็ด หวานมาก เปรี้ยวมาก และเค็มมาก) ๔.) งดรับประทานผักหรือเครื่องเทศที่มีกลิ่นฉุนจัด เช่น กระเทียม กุ่ยช่าย ต้นหอม ฯลฯ (เนื่องจากพืชผักเหล่านี้จะกระตุ้นให้คนเกิดความกำหนัด ทำให้เกิดกิเลส) รวมทั้งใบยาสูบ สิ่งเสพติด และของมึนเมาต่างๆ ๕.) รักษาศีลห้าข้ออย่างครบถ้วน ๖.) รักษาจิตใจให้บริสุทธิ์ ๗.) ทำบุญทำทาน ๘.) นุ่งขาวห่มขาว จุดประสงค์ในการกินเจ จุดประสงค์หลักในการกินเจ สามารถแบ่งได้เป็น ๓ ประเภท ดังนี้ ๑.) กินเพื่อสุขภาพ ๒.) กินด้วยจิตเมตตา ๓.) กินเพื่อเว้นกรรม แหล่งข้อมูล : ——————. ประเพณีธรรมเนียมจีนในเมืองไทย. กรุงเทพมหานคร: เลี่ยงเซียงจงเจริญ. http://th.wikipedia.org/
๖.) เทศกาลตังโจ่ย เทศกาลตังโจ่ย หรือเทศกาลไหว้ขนมบัวลอย (ขนมอี๊) ถือเป็นเทศกาลสุดท้ายของชาวจีนในรอบหนึ่งปี ซึ่งจะตรงกับเดือน ๑๑ ของจีน และโดยประมาณแล้วจะตรงกับวันที่ ๒๒ ธันวาคม (ตามปฏิทินสากล) ของทุกปี ในเทศกาลนี้ชาวจีนจะทำขนมบัวลอยมาไหว้ฟ้าดิน ปึ๋งเถ่ากง ตี่จู๋เอี๊ย (เจ้าที่) เพื่อขอบคุณที่ได้ช่วยให้การดำรงชีวิตของสมาชิกทุกคนในครอบครัวดำรงมาได้อย่างราบรื่นตลอดปีที่ผ่านมา และเพื่อความสมัครสมานสามัคคีกันของทุกคนในครอบครัว สาเหตุที่ต้องใช้ขนมบัวลอยไหว้ เพราะเชื่อกันว่าลักษณะทรงกลมของขนมบัวลอยเปรียบเสมือนความราบรื่น ความสมานสามัคคี ดังนั้น ชาวจีนในประเทศจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนในประเทศไทยต่างพากันไหว้ฟ้าดิน ปึ๋งเถ่ากง และตี่จู๋เอี๊ยด้วยขนมบัวลอย แหล่งข้อมูล : http://www.herlichuan.com/webboard/viewtopic.asp?topicID=1002
การประกอบพิธีกรรมต่างๆ ในแต่ละครอบครัวของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยนี้ มีความแตกต่างกันไป เนื่องจากขึ้นอยู่กับความเชื่อและการปฏิบัติสืบต่อกันมาของแต่ละครอบครัว เช่น การจุดประทัดในวันตรุษจีนสำหรับบางบ้านก็นิยมปฏิบัติ แต่สำหรับบางบ้านก็ไม่นิยมปฏิบัติกัน เป็นต้น
หมายเหตุ : สำหรับรายละเอียดสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่แหล่งข้อมูล |