พุทธประวัติ


เสด็จลงจากดาวดึงส์ เกิดเหตุการณ์สำคัญอะไรขึ้น

          กาลเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทำยมกปาฏิหาริย์แล้ว เสด็จขึ้นไปจำพรรษา ณ เทวโลกดาวดึงส์สถานโดยฉับพลัน ครั้งนั้น มหาชนที่มาประชุมกันชมปาฏิหาริย์กำลังมีความเบิกบานเลื่อมใส ครั้นพระผู้มีพระภาคเสด็จไปโดยฉับพลันเช่นนั้น ย่อมเป็นเหมือนดังดวงพระอาทิตย์หรือดวงจันทร์หลบหายเข้าไปในผืนแผ่นเมฆอันหนาแน่น มัวมืดลงในทันทีทันใดนั้น ชนทั้งหลายก็เศร้าโศกปริเทวนาการ พากันเข้าไปถาม พระมหาโมคคัลลานะเถระว่า

           “ พระผู้มีพระภาคเสด็จไปอยู่ที่ใด"

           พระมหาโมคคัลลานะเถระ แม้จะรู้ดีอยู่แล้ว แต่เพื่อประกาศเกียรติคุณของพระอนุรุทธเถระ จึงกล่าวว่า

           “ ขอท่านทั้งหลายไปถามพระอนุรุทธเถระดูเถิด ”

           คนทั้งหลายเหล่านั้นจึงพากันไปหาพระอนุรุทธเถระ แล้วเรียนถามท่าน

           พระเถระเจ้าจึงบอกว่า

           “ พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จขึ้นไปจำพรรษาบนปัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ในดาวดึงส์เทวโลก เพื่อตรัสพระธรรมเทศนา อภิธรรม ๗ คัมภีร์ โปรดพระพุทธมารดา ”

           “ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ก็เมื่อใดเล่า พระองค์จึงเสด็จลงมา ? “

           “ดูก่อนท่านทั้งปวง พระผู้มีพระภาคเจ้า จะต้องแสดงธรรมแก่ทวยเทพดา ในดาวดึงส์เทวโลก ถึง ๓ เดือน ต่อเมื่อถึงวันมหาปวารณาจึงเสด็จลงมาสู่มนุษย์โลก “

           ชนทั้งหลายจึงกล่าวแก่พระมหาโมคคัลลานะเถระว่า

           “ ถ้าพวกข้าพเจ้ามิได้เห็นองค์พระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว จะไม่ไปจากที่นี่”

           แล้วก็ชวนกันตั้งทับและชมโรมที่อาศัยตามอัธยาศัยของตน ๆ ตั้งจิตอธิษฐานปาฏิหาริย์อุโบสถ ตลอดไตรมาสเสมอกัน

           ....แม้จริง ก่อนที่พระผู้มีพระภาคเจ้าจะเสด็จขึ้นไปเทวโลก ก็ทรงทราบถึงเหตุการณ์นี้ดีแล้ว ฉะนั้น จึงได้ตรัสสั่งให้พระมหาโมคคัลลานะเถระ เอาเป็นธุระแสดงธรรม และให้จุลอนาถบิณฑิกะเอาธุระสงเคราะห์ด้วยโภชนาหารแก่มหาชน อันประชุมอยู่ ณ ที่นั้นตลอดเวลา

           ครั้นกาลใกล้จะถึงวันปวารณายังอีก ๗ วัน ชนเหล่านั้นจึงพากันไปหาพระมหาโมคคัลลานะเถระ เรียนถามอีกว่า

           “ พระผู้เป็นเจ้าควรจะกรุณาให้พวกข้าพเจ้าได้ทราบว่า พระผู้มีพระภาคจะเสด็จลง ณ ที่ไหน เมื่อใดแน่ ? หากข้าพเจ้าทั้งหลายมิได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว จะไม่ไปจากที่นี่ “

           พระมหาโมคคัลลานะเถระกล่าวว่า

           “เรื่องนี้จะต้องทูลถามพระบรมศาสดาก่อนจึงจะทราบได้ ”

           แล้วพระมหาโมคคัลลานะเถระจึงสำแดงปาฏิหาริย์ขึ้นบนเทวโลก เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ณ บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ทูลถามว่า

           “ บัดนี้ บริษัททั้งหลายใคร่จะเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า หากไม่ได้เห็นแล้ว ก็จะไม่ไปจากที่นั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในกาลใดพระเจ้าข้า พระองค์จะเสด็จลงสู่มนุษย์โลก และจะเสด็จลงที่สถานที่ใด ? “

           พระบรมศาสดาจึงตรัสว่า

           “โมคคัลลานะ เวลานี้พระสารีบุตรพี่ชายของท่านอยู่ ณ ที่ใดเล่า ? “

           “ท่านจำพรรษาอยู่ที่เมืองสังกัสสะนคร พระเจ้าข้า “

           “ โมคคัลละนะ ถ้าเช่นนั้น ตถาคตจะลง ณ ที่ใกล้ประตูเมืองสังกัสสะนคร ในวันมหาปวารณา นับแต่นี้ไปอีก ๗ วัน โมคคัลลานะ ถ้าชนทั้งหลายใคร่จะเห็นตถาคต ก็จงไปสู่ที่นั้นในเวลานั้นเถิด “

           พระมหาโมคคัลลานะเถระรับพระพุทธบัญชาแล้ว ก็ลงมาแจ้งข้อความนั้นแก่ชนทั้งหลาย ผู้ต้องการทราบเรื่องนี้อยู่.......

           ครั้นถึงวันปุรณมี แห่งอัสสยุชมาส เพ็ญเดือน ๑๑ พระบรมศาสดาทรงปวารณาพระวัสสาแล้วจึงตรัสบอกแก่ท้าวสักกะเทวราชว่า ตถาคตจะลงไปสู่มนุษย์โลกในวันนี้

           ท้าวโกสีย์จึงนิรมิตรบันไดทิพย์ ๓ บันได ลงจากเทวโลก คือบันไดทองอยู่เบื้องขวา บันไดเงินอยู่เบื้องซ้าย บันไดแก้วอยู่ท่ามกลาง เชิงบันใดทั้ง ๓ นั้น ประดิษฐานอยู่ภาคพื้นปฐพีที่ใกล้ประตูเมืองสังกัสสะนคร ศีรษะบันใดเบื้องบนจรดยอดภูเขาสิเนรุราช บันไดแก้วนั้นเป็นที่พระผู้มีพระภาคเสด็จลง บันไดทองเป็นที่เทวดาทั้งหลายตามลงมาส่งเสด็จ บันไดเงินเป็นที่พรหมทั้งหลายตามลงมาส่งเสด็จ

           ขณะนั้นเทพดาและพรหมทั้งหลายได้มาประชุมพร้อมกันบูชาพระผู้มีพระภาคเจ้าเต็มทั่วจักรวาล


คัดมาจาก พุทธประวัติทัศนศึกษา โดย พระธรรมโกศาจารย์ (ชอบ อนุจารี)
           http://dharma-gateway.com/buddha/buddha-main-page.htm

          

back>>