|
ภายหลัง พระเทวทัตปรารถนาจะเลี้ยงชีพด้วยโกหัญญกรรม
การหลอกลวงสืบไป เพื่อจะเเสดงว่าตนเป็นผู้เคร่งครัด
ได้เข้าไปเฝ้าพระบรมศาสดา ทูลขอวัตถุ ๕ ประการ
เพื่อให้พระบรมศาสดาบัญญัติให้ภิกษุทั้งหลายปฏิบัติโดยเคร่งครัด
คือ
ให้อยู่ในเสนาสนะป่า เป็นวัตร
ให้ถือบิณฑบาต
เป็นวัตร
ให้ทรงผ้าบังสุกุล เป็นวัตร
ให้อยู่โคนไม้ เป็นวัตร
ให้งดฉันมังสาหาร เป็นวัตร
ในวัตถุทั้ง ๕ ภิกษุรูปใด จะปฏิบัติข้อใด ให้ถือข้อนั้นโดยเคร่งครัด
คือให้สมาทานเป็นวัตร ปฏิบัติโดยส่วนเดียว
พระบรมศาสดาไม่ทรงอนุญาต ตรัสว่า
“ ไม่ควร ควรให้ปฏิบัติได้ตามศรัทธา ”
ด้วยทรงเห็นว่า ยากแก่การปฏิบัติ เป็นการเกินพอดีไม่เป็นทางสายกลางสำหรับบุคคลทั่วไป
พระเทวทัตโกรธแค้น ไม่สมประสงค์ กล่าวโทษพระบรมศาสดา
ประกาศว่า คำสอนของตนประเสริฐกว่า ทำให้ภิกษุที่บวชใหม่
มีปัญญาน้อยหลงเชื่อ ยอมทำตนเข้าเป็นสาวก ครั้นพระเทวทัตได้ภิกษุยอมเข้าเป็นบริษัทของตนแล้ว
ก็พยายามทำสังฆเภท แยกจากพระบรมศาสดา
เมื่อพระบรมศาสดาทรงทราบ ก็โปรดให้หาพระเทวทัตมาเฝ้า
รับสั่งถาม พระเทวทัตก็ทูลตามความสัตย์ จึงทรงตรัสพระพุทธโอวาทห้ามปรามว่า
“ ดูก่อนเทวทัต
ท่านอย่าพึงทำเช่นนั้น อันสังฆเภทนี้เป็นครุกรรมใหญ่หลวงนัก
”
คัดมาจาก พุทธประวัติทัศนศึกษา
โดย พระธรรมโกศาจารย์ (ชอบ อนุจารี)
http://dharma-gateway.com/buddha/buddha-main-page.htm
|