โครงการบัณฑิตอาสาของวิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล
เหตุผลของการจัดตั้ง
ความเสื่อมโทรมทางจริยธรรมของเยาวชน เป็นวิกฤติการณ์ของสังคมไทยปัจจุบันที่จำเป็นจะต้องรีบแก้ไขก่อนที่จะรุกลามใหญ่โตขึ้นไปเรื่อยๆ จนทำลายอนาคตของประเทศไทย ดังนั้นสถาบันการศึกษาต่างๆ ตั้งแต่ระดับประถมศึกษาไปจนถึงอุดมศึกษา จึงพยายามแก้ไขปัญหานี้ด้วยการจัดให้มีการเรียนการสอน และกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งเสริมนักเรียน/นักศึกษาของตนให้เป็นคนดีมีคุณธรรม เป็นพื้นฐานของชีวิต และโดยเหตุที่ศาสนาเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาทางจริยธรรม กิจกรรมต่างๆ ที่สถาบันเหล่านี้จัดทำ จึงมุ่งส่งเสริมนักเรียน/นักศึกษา ให้ศึกษาหลักคำสอนทางศาสนา และให้ปฏิบัติทางศาสนาควบคู่กันไป
ในเรื่องของการเรียนการสอนศาสนาในระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษานั้น ปัญหาที่โรงเรียนเหล่านี้มักประสบ คือ การขาดแคลนครู/อาจารย์ที่มีความรู้ดีเกี่ยวกับศาสนา โดยเฉพาะพุทธศาสนาทั้งทางทฤษฎี และทางปฏิบัติ และมีความสามารถสอนวิชานี้ให้เป็นวิชาที่น่าศึกษาเล่าเรียน และดึงดูดความสนใจจากนักเรียนในยุคสมัยของบริโภคนิยม การขาดแคลนครู/อาจารย์ที่กล่าวมา ทำให้การสอนวิชาศาสนาในโรงเรียนต่างๆ ไม่ได้ประสิทธิผลมากเท่าที่ควร
การขาดแคลนครู/อาจารย์ดังกล่าว เป็นปัญหาร้ายแรงของโรงเรียนพระปริยัติธรรมตามวัดต่างๆ ในต่างจังหวัดโดยเฉพาะในท้องที่ทุรกันดาร โรงเรียนพระปริยัติธรรมเหล่านี้เป็นสถานศึกษาของพระภิกษุสามเณร โดยเฉพาะ งานวิจัยของวิทยาลัยศาสนศึกษาในปี พ.ศ.๒๕๔๔ ชี้ให้เห็นว่าคุณภาพของการเรียนการสอนที่โรงเรียนพระปริยัติธรรมเกือบทั้งหมดยังไม่ได้มาตรฐาน เนื่องจากขาดแคลนครู/อาจารย์ที่มีความรู้ความสามารถสอนวิชาต่างๆในหลักสูตร แม้แต่วิชาพุทธศาสนาก็มีปัญหาดังกล่าว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ควรรีบแก้ไข พระสงฆ์เป็นกำลังสำคัญของพุทธศาสนาในประเทศไทย คุณภาพการเรียนการสอนที่ต่ำ ย่อมทำให้พระสงฆ์ที่เป็นนักเรียนไม่มีความรู้ที่ควรจะมีไม่ว่าในเรื่องพุทธศาสนาหรือเรื่องทางโลก สิ่งนี้ย่อมมีผลไม่ดีต่อการเผยแพร่พุทธศาสนาและต่อการดำรงอยู่ของพุทธศาสนาในสังคมไทย
บัณฑิตอาสา โรงเรียนสามัญศึกษา และการฟื้นฟูจริยธรรมของเยาวชน
การส่งเสริมสนับสนุนการเรียนการสอนศาสนา และการพัฒนาเยาวชนให้มีคุณธรรมเป็นเรื่องที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์หลักอย่างหนึ่งของวิทยาลัย ที่จะนำศาสนามาใช้เป็นพื้นฐานของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในด้านคุณธรรมและจริยธรรม ให้เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าสูงสุดของสังคม ดังนั้นวิทยาลัยศาสนศึกษาจึงจัดตั้งโครงการบัณฑิตอาสาขึ้นมาในเดือนพฤษภาคม ๒๕๔๔ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนครู/อาจารย์ที่โรงเรียนต่างๆ ประสบอยู่ด้วยการส่งบัณฑิตของวิทยาลัยทั้งพระสงฆ ์และฆราวาสที่ได้ศึกษาพุทธศาสนา และศาสนาอื่นอย่างลึกซึ้ง และกว้าง และได้เรียนรู้เทคนิคต่างๆ ในการสอนศาสนาแก่คนสมัยใหม่ไปช่วยเหลือโรงเรียนต่างๆ ในการสอนวิชาพุทธศาสนาและ/หรือศาสนาอื่นเพื่อปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมแก่นักเรียน และเนื่องด้วยปัจจุบันเยาวชนชาวพุทธไม่ค่อยมีโอกาสเข้าวัดเพื่อศึกษาพระธรรมคำสอนต่างๆ การส่งบัณฑิตอาสาที่เป็นพระสงฆ์ไปประจำอยู่ตามโรงเรียนเหล่านี้ จึงเปรียบเหมือนการนำวัดเข้าไปสู่โรงเรียน ทำให้นักเรียนมีโอกาสได้ใกล้ชิดพุทธศาสนามากขึ้น
จากรายงานการประเมินผลการปฏิบัติงานของพระสงฆ์บัณฑิตอาสาที่โรงเรียนต่างๆ ส่งมาให้วิทยาลัยเป็นประจำทุกเดือน ปรากฏว่าโดยทั่วไปแล้วทางโรงเรียนพอใจงานของบัณฑิตอาสาเหล่านั้นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการสอนวิชาพุทธศาสนา การให้คำแนะนำแก่นักเรียนในการแก้ไขปัญหาชีวิตด้วยพุทธธรรม การนำนักเรียนปฏิบัติสมาธิ และเข้าค่ายจริยธรรม ทุกโรงเรียนแจ้งให้ทราบว่าพระสงฆ์-บัณฑิตอาสาที่วิทยาลัยส่งไปแต่ละรูปมีจริยวัตรดีงาม และมีความรู้ความสามารถในการถ่ายทอดเป็นอย่างดี มีผลให้นักเรียนจำนวนไม่น้อยเปลี่ยนนิสัยไปในทางดีงามเช่น จากการเป็นคนก้าวร้าวกลายเป็นคนรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน มีสัมมาคารวะและจากคนที่มีสมาธิสั้นในการเรียนมาเป็นคนมีสมาธิยาวจนสามารถเรียนจบตามเวลาได้ นอกจากนั้นการที่พระสงฆ์บัณฑิตอาสารู้วิธีสมัยใหม่ในการสอนยังทำให้นักเรียนสนใจเรียนวิชาพุทธศาสนามากขึ้น ในส่วนของครู/อาจารย์นั้น การมีพระสงฆ์ที่มีความรู้ประจำที่โรงเรียน ทำให้ผู้ที่ไม่เข้าใจคำสอนของพุทธศาสนามีโอกาสได้เรียนรู้หรือผู้ที่เข้าใจคำสอนผิดได้แก้ไขความเข้าใจให้ถูกต้อง และสามารถปรึกษาหารือพระสงฆ์ของวิทยาลัยในเรื่องการจัดกิจกรรมต่างๆ ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาให้ได้ผลตามวัตถุประสงค์
ตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๕๔๔ – พ.ศ. ๒๕๕๐ วิทยาลัยได้ส่งบัณฑิตอาสาจำนวน ๑๓๒ รูป/คน ไปสอนวิชาพุทธศาสนาและปลูกฝังจริยธรรมให้แก่นักเรียนแต่ละภาคการศึกษาใน ๑๒๒ โรงเรียนทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด การช่วยเหลือดังกล่าวเป็นการช่วยโรงเรียนแก้ปัญหาการขาดแคลนครู/อาจารย์ได้ชั่วขณะ เพื่อให้โรงเรียนมีเวลาขอตำแหน่งบรรจุผู้มีวุฒิเหมาะสมมาปฏิบัติงานแทนบัณฑิตอาสาต่อไป โดยทั่วไปแล้วเมื่อโรงเรียนได้ตำแหน่งดังกล่าวมาทางโรงเรียนมักจะใช้บรรจุบัณฑิตอาสาที่เป็นฆราวาสมากกว่าผู้อื่น จึงอาจกล่าวได้ว่าโครงการบัณฑิตอาสาของวิทยาลัยที่โรงเรียนสามัญศึกษาเป็นประโยชน์แก่โรงเรียน แก่ตัวบัณฑิตอาสาเอง และแก่วิทยาลัย กล่าวคือโรงเรียนมีผู้ช่วยเหลือสอนวิชาพุทธศาสนาและจริยธรรม และจัดทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อปลูกฝังคุณธรรมแก่นักเรียน ในขณะเดียวกับบัณฑิตอาสาก็ได้ทำงานตามสาขาวิชาที่เล่าเรียนมา พร้อมทั้งได้ใช้ความรู้ช่วยแก้ไขปัญหาของประเทศชาติไปด้วย ในส่วนของวิทยาลัยนั้นการส่งบัณฑิตอาสาไปช่วยงานฟื้นฟูจริยธรรมของเยาวชนตามโรงเรียนต่างๆ ทำให้วิทยาลัยมีส่วนช่วยแก้ไขปัญหาความเสื่อมโทรมทางจริยธรรมของเยาวชนที่เป็นวิกฤติการณ์ในสังคมไทยด้วย
บัณฑิตอาสา โรงเรียนพระปริยัติธรรม และการพัฒนาชุมชน
ในปี พ.ศ. ๒๕๔๕-๒๕๔๙ แต่ละปีวิทยาลัยได้ส่งบัณฑิตอาสาที่เป็นพระสงฆ์จำนวน ๕ รูป แยกย้ายไปสอนตามโรงเรียนปริยัติธรรมในเขตจังหวัดศรีสะเกศ นครพนม อุบลราชธานี มุกดาหาร และจังหวัดตรัง เพื่อยกคุณภาพการเรียนการสอนที่โรงเรียนเหล่านี้ให้สูงขึ้น วิชาที่สอนส่วนมากเป็นวิชาเกี่ยวกับพุทธศาสนา เช่น วิชาธรรมวิภาค วิชาวินัยบัญญัติ และวิชาธรรมวิจารณ์ นอกจากการสอนแล้ว บัณฑิตอาสาเหล่านี้ยังนำความรู้ที่ได้ศึกษาเล่าเรียนมา ไปประยุกต์ใช้พัฒนาวัดและชุมชนใกล้เคียงในด้านต่างๆ เช่น การสร้างห้องสมุดชุมชน การอนุรักษ์วัฒนธรรมพื้นบ้านและสิ่งแวดล้อมของชุมชน และการชักชวนชาวบ้านให้ทำสาธารณประโยชน์ต่างๆ
เมื่อเห็นว่างานของบัณฑิตอาสาทำประโยชน์แก่โรงเรียนพระปริยัติธรรม และชุมชนมากเช่นนี้ วิทยาลัยจึงได้ขยายโครงการไปยังจังหวัดอื่นที่ต้องการความช่วยเหลือดังกล่าวมากเป็นพิเศษ เมื่อสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงรับโรงเรียนพระปริยัติธรรมในถิ่นทุรกันดารในจังหวัดน่านและแพร่จำนวน ๑๓ โรงเรียนไว้ในพระอุปถัมภ์ ตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นต้นมา บัณฑิตวิทยาลัยส่งบัณฑิตอาสาที่เป็นพระสงฆ์ ๑๐ รูป แม่ชี ๑ รูป และฆราวาส ๒ คน รวม ๑๓ รูป/คน แยกย้ายไปปฏิบัติงานที่โรงเรียนเหล่านี้ตามพระราชประสงค์ เพื่อพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนในโรงเรียนเหล่านี้ให้ได้มาตรฐาน และเพื่อช่วยเหลือให้พระสงฆ์มีความรู้เพียงพอที่จะศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย การให้ความช่วยเหลือดังกล่าวมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นการช่วยให้พระภิกษุสามเณรที่เป็นนักเรียนในโรงเรียนเหล่านี้มีความหวังที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น และสามารถพัฒนาตนให้เป็นกำลังสำคัญของพุทธศาสนาได้ และโดยเหตุที่ชุมชนรอบวัดที่บัณฑิตอาสาปฏิบัติงานสอนมีปัญหาความยากจนและความไม่รู้ ชาวบ้านจึงหวังพึ่งบัณฑิตอาสาในด้านต่างๆ ไม่ว่าในเรื่องการสอนธรรมะ หรือการทำมาหากิน หรือการทำให้หมู่บ้านปลอดจากการพนันและยาเสพติด ดังนั้นบัณฑิตอาสาเหล่านี้จึงมีบทบาทพัฒนาชุมชนโดยอัตโนมัติ ด้วยเหตุนี้บัณฑิตอาสาจึงต้องทำโครงการพัฒนาต่างๆตามความต้องการของชาวบ้านแต่ละแห่ง บัณฑิตอาสาบางรูปต้องทำหน้าที่เป็นเจ้าอาวาสในวัดที่ไม่มีเจ้าอาวาสอีกด้วย การปฏิบัติหน้าที่นี้ทำให้บัณฑิตอาสามีบทบาทสำคัญมากขึ้นในชุมชน
อาจกล่าวได้ว่าการมีบัณฑิตอาสาปฏิบัติงานที่โรงเรียนพระปริยัติธรรมตามวัดต่างๆ พร้อมทั้งทำโครงการพัฒนาชุมชนควบคู่กันไปเป็นการเชื่อมโยง วิทยาลัยจึงเป็นสถาบันการศึกษาเข้ากับวัด และชุมชนโดยวิทยาลัยเป็นผู้ให้ด้วยการผลิตบัณฑิตที่ดีมีคุณธรรมไปทำประโยชน์ให้แก่โรงเรียนวัด และชุมชน การมีชีวิตอยู่ในชุมชนที่ขาดแคลนและต้องการความช่วยเหลือในด้านต่างๆ ทำให้บัณฑิตของวิทยาลัยมีโอกาสได้นำความรู้ที่ศึกษาเล่าเรียนมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ชุมชน และสังคมเป็นสำคัญ ในนัยนี้บัณฑิตอาสาของวิทยาลัยจึงเป็นตัวอย่างของบัณฑิตมหาวิทยาลัยมหิดล ที่ปฏิบัติตนตามพระปณิธานของสมเด็จพระราชบิดา บัณฑิตอาสาของวิทยาลัยทำตัวให้เป็นพลังสร้างสรรค์ของสังคม และเมื่ออยู่ที่ไหนสิ่งดีงามย่อมเกิดขึ้นที่นั่น
โครงการ กิจกรรม บัณฑิตอาสา มีต่อ>>>
บัณฑิตอาสา มีต่อ>>>
พระมหาไพฑูรย์ หุมห้องปฏิบัติงาน สอนวิชาพุทธศาสนา และภาษาบาลี
โรงเรียน นันทบุรีวิทยา อ.เมือง จังหวัดน่าน



